วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หัวใจแห่งคำสอนของพระพุทธเจ้าคืออะไรกันแน่

มีเพื่อนชาวไลน์เผยแพร่ข้อความนี้ โดยเริ่มต้นว่าอย่างนี้แหละ

ผมรู้ว่ามันยาวมาก คงไม่มีใครอยากอ่านแน่นอน
แต่...อ่านเถอะครับ อยากให้ทุกคนได้อ่าน เบื่อ ขี้เกียจ ก้อ...
ควรจะอ่านนะครับ...มันคงไม่ทำให้เสียเวลาทั้งชีวิตหรอกนะ
(รักนะจึงอยากให้อ่านกันให้จบ)
          😍💖😍💖😍

พุทธวิธีเพื่อการหัดตาย (เจริญมรณานุสติ)

การหัดตายที่ปราชญ์ในพระพุทธศาสนาท่านแนะนำ 
คือ การหัดอบรมความคิด ทุกขณะจิตถึงความตาย
สมมติว่าตนเองในขณะนั้นปราศจากชีวิตแล้วตายแล้ว 
เช่นเดียวกับผู้ที่ตายแล้วจริงทั้งหลาย
ฝึกอบรมความคิดว่าเมื่อปราศจากชีวิตแล้ว
สภาพร่างกายของตนที่เคยเคลื่อนไหว จักทอดนิ่ง
คิดให้เห็นชัดว่าเมื่อตายแล้ว ตนจะมีสภาพอย่างไร
ร่างที่เคยเคลื่อนไหวได้ก็จะทอดนิ่ง 

อย่าว่าแต่เพียงจะลุกขึ้นไปเก็บรวบรวมเงินทองข้าวของ
ที่อุตส่าห์สะสมไว้เพื่อนำไปด้วยเลย
จะเขยิบไปพ้นแดดพ้นมดสักนิ้วสักคืบก็ทำไม่ได้
เมื่อมีผู้มายกไปนำไป ยังที่ซึ่งเขากำหนดกันว่าเหมาะว่าควร 
ก็ไม่อาจขัดขืนโต้แย้งได้ 
แม้บ้านอันเป็นที่รักที่หวงแหน เขาก็จะไม่ให้อยู่ ...จะยกไปวัด 
เคยนอนฟูกบนเตียงในห้องกว้าง ประตูหน้าต่างเปิดโปร่ง
เขาก็จะจับลงไปในโลงศพแคบทึบ ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง
ตีตะปูปิดสนิทแน่น ไม่ให้มีแม้แต่ช่องลมและอากาศ 
จะร้องก็ไม่ดัง จะประท้วงหรืออ้อนวอนก็ไม่สำเร็จ ไม่มีใครสนใจ
ถูกทอดทิ้งอ้างว้างตามลำพัง หลังปราศจากชีวิต

สามี ภริยา มารดา บิดา บุตร ธิดา ญาติสนิทมิตรทั้งหลาย
ที่เคยรักห่วงใยกันนักหนา ก็ไม่มีใครมาอยู่ด้วยแม้สักคน 
อย่าว่าแต่จะเข้าไปนั่งไปนอนในโลงศพด้วยเลย
แม้แต่จะนั่งเฝ้านอนเฝ้าอยู่ข้างโลงทั้งวันทั้งคืน 
ก็ยังไม่มีใครยอม บ้านเรือนใครก็จะพากันกลับคืนหมด 
ทิ้งไว้แต่ลำพังในวัดที่อ้างว้าง มีศาลาตั้งศพ มีเมรุเผาศพ
มีเชิงตะกอน มีศพที่เผาเป็นเถ้าถ่านแล้วบ้าง 
ยังไม่ได้เผาบ้างมากมายหลายศพ
ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ ในขณะที่มีชีวิต
สิ้นสุดลงแล้วพร้อมกับลมหายใจและชีวิตที่สิ้นสุด

ทีนี้เมื่อยังไม่ตาย เราเคยกลัว เคยรังเกียจ 
แต่เมื่อตายเราก็หนีไม่พ้น เรามีอะไรหรือในขณะนั้น 
เราไม่มีอะไรเลย มือเปล่าเกลี้ยงเกลาไปทั้งเนื้อทั้งตัว 
เงินสักบาททองสักเท่าหนวดกุ้งก็ไม่มีติด มีแต่ตัวแท้ ๆ 
เขาไม่ได้แต่งเครื่องเพชรเครื่องทองมีค่า
หรือมอบกระเป๋าใส่เงินใส่ทองให้เลย 
อย่างดีก็มีเพียงเสื้อผ้าที่เขาเลือกสวมใส่แต่งศพให้ไปเท่านั้น
ซึ่งไม่กี่วันก็จะชุ่มน้ำเหลืองที่ไหลจากตัว 
มีใครเล่าจะมาเปลี่ยนชุดใหม่ๆให้เรา ทั้งๆที่สะสมไว้มากมาย
ล้วนเป็นชอบอกชอบใจว่าสวยว่างาม 
โอกาสที่จะได้ใช้เงินใช้เสื้อผ้าอาภรณ์ 
เครื่องเพชรเครื่องทองเหล่านั้นสิ้นสุดลงแล้ว ... 
พร้อมกับลมหายใจ พร้อมทั้งชีวิตที่สิ้นสุดนั้นเอง 
ไม่คุ้มกันเลยกับความเหนื่อยยากแสวงหามา 
สะสมโดยไม่ถูกไม่ชอบด้วยประการทั้งปวง 
ที่เป็นบาป เป็นอกุศล เป็นการเบียดเบียนก่อทุกข์ภัยให้ผู้อื่น
มองให้เห็นสภาพร่างกายที่ตายแล้ว

หัดมองให้เห็นร่างกายของตนเอง ที่ตายแล้วอืดอยู่ในโลง 
เริ่มปริแตก มีน้ำเหลือง น้ำหนองไหลออกจากขุมขน 
เส้นผมเปียกแฉะด้วยเลือดด้วยหนอง 
ลิ้นที่เคยอยู่ในปากเรียบร้อยก็หลุดออกมาจุก 
นัยน์ตาถลนเหลือกลาน รูปร่างหน้าตาของตนเองขณะนั้น 
อย่าว่าแต่จะให้ใครอื่นจำได้เลย แม้ตัวเองก็จำไม่ได้ 
อย่าว่าแต่จะให้ใครอื่นไม่รังเกียจ สะดุ้งกลัวเลย 
แม้แต่ตัวเองก็ยากจะห้ามความรู้สึกนั้น 
ผิวพรรณที่อุตสาหะพยายามถนอมรักษาให้งดงามเจริญตา 
เจริญใจ ใส่หยูกใส่ยา เครื่องสำอางค์เครื่องอบเครื่องลูบไล้ 
เครื่องประทินอันมีกลิ่นมีคุณค่าราคาแพงทั้งหลาย 
มีลักษณะตรงกันข้ามกับความปรารถนาอย่างสิ้นเชิง 

เมื่อความตายมาถึง
ทรัพย์สมบัติสักนิด เมื่อตายไปก็นำไปไม่ได้

เมื่อความตายมาถึง ไม่มีผู้ใดสามารถถนอมรักษาทะนุบำรุงรักษาร่างของเขาไว้ได้ 

แม้สมบัติพัสถานที่แสวงหาไว้ระหว่างมีชีวิตจนเต็มสติปัญญา
ความสามารถแม้ด้วยเล่ห์กล 
เพื่อใช้ทะนุถนอมรักษาเชิดชูบำรุงตัวของเรา 
ก็ติดร่างไปไม่ได้เลย
แม้ร่างกายของเรา ก็ต้องทิ้งไว้ในโลก......

เป็นจริงดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า ... 
ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้ 
ให้ความสุข ความสมบูรณ์ ความสะดวกสบาย 
ความปกป้องคุ้มกันร่างของคนตายไม่ได้ 
ต้องปล่อยให้ร่างนั้นผุพัง เน่าเปื่อยคืนสู่สภาพเดิม 
เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ประจำโลกต่อไป 
ต้องตามพุทธศาสนสุภาษิตว่า “สัตว์ทั้งปวงทิ้งร่างไว้ในโลก”


ความเชื่อในชีวิตหลังความตาย

ผู้มีความเข้าใจว่า ตายแล้วจะไปเกิดเป็นอะไร สุขทุกข์อย่างไร 
เราไม่รับรู้ด้วยแล้ว จึงไม่มีความหมาย 
นี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง เป็นโมหะสำคัญ
ที่เราเกิดเป็นนั่นเป็นนี่ในชาตินี้ทำไมเราจึงรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ 
ทั้งๆที่เราไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับชาติก่อนอย่างไร

พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีชาติในอดีตและในอนาคต 
เชื่อว่าก่อนที่จะมาเกิดในชาตินี้ ได้เคยเกิดในชาติอื่นมาแล้ว 
และก็จะต้องเกิดในชาติหน้าต่อไป ไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ 

ถ้ายังทำ"กิเลส"ให้สิ้นไปไม่ได้ 
อย่าพลอยเป็นไปกับคนเป็นอันมาก 
ที่มีโมหะหลงเข้าใจผิดอย่างยิ่ง 
ว่าจบสิ้นความเป็นคนในชาตินี้แล้ว 
ก็ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับชาติอื่นต่อไป 
เพราะฉะนั้นความสำคัญจึงอยู่ที่ควรแสวงหาความสุขสมบูรณ์
ให้ตนเองให้เต็มที่ในชาตินี้ 
ผู้ใดมีโมหะหลงผิดเช่นนี้ จะสามารถทำความผิดร้ายได้ทุกอย่าง เพื่อประโยชน์ตน ทรยศคดโกง
เบียดเบียนทำร้ายแม้กระทั่งถึงชีวิตคนอื่นๆเขาก็ทำได้ 
เป็นการสร้างกรรมที่จะให้ผลแก่ตนเองแน่นอน 
คนจะต้องเสวยผล เสวยทุกขเวทนา 
ทั้งในโลกนี้และเมื่อละโลกนี้ไปแล้วตามกรรมของตน 
ต้องตามพุทธภาษิตว่า “กรรมของตนเอง ย่อมนำไปสู่ทุกข์คติ”
ชีวิตในชาติข้างหน้ายาวนาน ไม่อาจประมาณได้

ปราชญ์กล่าวว่า ชีวิตนี้น้อยนัก ก็คือ ชีวิตในชาตินี้น้อยนัก 
ชีวิตในชาติหน้ายาวนานไม่อาจประมาณได้ 
ชีวิตในภพข้างหน้าจะสิ้นสุดเมื่อไร 
ขึ้นอยู่กับความหมดจดจากกิเลสอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น 
เปรียบชีวิตข้างหน้ากับชีวิตปัจจุบันนี้แล้ว ชีวิตจึงน้อยนัก
แม้รักตนเองจริง ก็ควรรักไปถึงชีวิตข้างหน้าด้วย
ไม่ใช่จะคิดเพียงสั้นๆ รักแต่ชีวิตนี้เท่านั้น
หาความสมบูรณ์พูนสุขในชีวิตด้วยกุศลกรรม ธรรมต่างๆ 
ภายในขอบเขตที่ชอบที่ถูกทำนองคลองธรรมเถิด 
ผลแห่งกรรมทั้งในชาตินี้และชาติหน้าต่อๆไปที่ต้องเสวยแน่ 
จะได้ไม่เป็นผลร้าย ไม่เป็นผลของบาปกรรม 
ที่ให้ความทุกข์ มิได้ให้ความสุข เมื่อชีวิตดับสลาย...
ทุกสิ่งที่เคยครอง ก็ต้องสูญสลายหมดสิ้นพลัดพรากจากไป

ชีวิตใคร ...ใครก็รัก
ชีวิตเรา ...เราก็รัก ชีวิตเขา...เขาก็รัก
ความตาย ...เรากลัว ความตาย...เขาก็กลัว
ของของใคร ...ใครหวง ของของเรา...เราหวง
ของของเขา ...เขาก็หวง

จะลักจะโกงจะฆ่าทำร้ายใครสักคน ขอให้นึกกลับกันเสีย 
ให้เห็นเขาเป็นเรา เราเป็นเขา คือ 
เขาเป็นผู้ที่จะลักจะโกงจะฆ่าจะทำร้ายเรา 
เราเป็นเขาผู้ที่จะถูกลักถูกโกงถูกฆ่าถูกทำร้าย 
ลองนึกเช่นนี้ให้เห็นชัดเจน แล้วดูความรู้สึกของเรา 
จะเห็นว่าที่เต็มไปด้วยโมหะนั้น จะเปลี่ยนเป็นเมตตากรุณา

ข่าวผู้พยายามป้องกันสมบัติของตนจนเสียชีวิตนั้น 
น่าสลดสังเวชยิ่งนัก 
หรือข่าวแม้ผู้กำลังจะสิ้นชีวิตแล้ว แต่ก็ยังพยายามกระเสือกกระสนรักษาสมบัติมีค่าของตน
ที่ติดตัวอยู่ ก็น่าสงสารที่สุด 
พบข่าวเหล่านี้เมื่อไร ขอให้นึกถึงใจคนเหล่านั้น 
อย่าคิดทำร้าย อย่าคิดเบียดเบียนกันเลย
ทุกชีวิตต้องตาย...และจะตายในเวลาไม่นาน

ชีวิตของมนุษย์นี้ จะยืนนานเกิน 100 ปี ก็ไม่มาก 
ทั้งยังเหลืออยู่ไม่ถึง 100 ปี อีกด้วย 
คนไม่ได้อายุยืนเพราะทรัพย์ 
จะทำทุกวิถีทางแม้วิถีทางที่ชั่วช้าโหดร้าย
เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ทำไมเล่า
ในเมื่อชีวิตดับสลายแล้ว ทุกๆสิ่งที่ชีวิตเคยครอบครอง ก็ต้องสูญสลายพลัดพรากจากไป 
ทรัพย์สมบัติติดตามคนตายไปไม่ได้ 
แต่เหตุแห่งการแสวงหาทรัพย์โดยมิชอบ ซึ่งเป็นกรรมไม่ดี 
ติดตามคนตายไปได้ 
ให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือนร้อนแก่คนที่ตายไปแล้วได้ 
ทรัพย์จึงไม่ใช่สิ่งที่พึงแสวงหา 
โดยไม่คำนึงให้รอบคอบถึงความถูกหรือผิดว่าควรหรือไม่ควร
ความโลภไม่มีขอบเขตนั้น เป็นทุกข์หนักยิ่งนัก

ทรัพย์ที่แสวงหาด้วยความโลภเป็นใหญ่ 
ได้ทำลายชีวิตและทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของใครต่อใคร
มาแล้วอย่างประมาณมิได้ ปรากฏให้เห็นอยู่ในชีวิตนี้ 
ความโลภโดยไม่มีขอบเขตนั้นเป็นทุกข์หนัก 
ทั้งโลภในทรัพย์ ในยศ ในชื่อ ล้วนเป็นทุกข์หนักนักทั้งสิ้น 
ตนเองก็เป็นทุกข์ ทั้งยังแผ่ความทุกข์ไปถึงผู้อื่นอีกด้วย 
จึงเป็นกรรมไม่ดี

ผู้มีปัญญา มีความฉลาด มีสัมมาทิฐิ
จักมุ่งเพียรละกิเลสก่อนความตายมาถึง
ถ้าทุกข์ร้อนเพราะความอยากได้ไม่สิ้นสุดในลาภ ในยศ ในชื่อ 
จะดับทุกข์ร้อนนั้นได้ด้วยการทำกิเลสให้หมดจด 
ชีวิตในภพชาติข้างหน้าอันยาวนานนักหนา 
จะเป็นชีวิตดีมีสุขเพียงไร 
ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำไว้ทั้งในอดีตชาติและชาตินี้เป็นสำคัญ 
จะฉลาดนักถ้าจะไม่ลืมความจริงนี้
จะฉลาดสุดถ้าไม่คำนึงถึงความสุขเฉพาะชีวิตนี้หรือชีวิตหน้า 
แต่มุ่งคำนึงถึงว่าจะพึงปฏิบัติอย่างไรให้เต็มสติปัญญา
ความสามารถ เพื่อไม่ต้องมีภพชาติข้างหน้าอีกต่อไป 
เพราะความเกิดเป็นความทุกข์แท้ 
ผู้ฉลาดมีสัมมาทิฐิความเห็นชอบ 
จักมุ่งมั่นเพียรอบรมสติปัญญาให้สามารถขจัดกิเลสคือราคะ 
หรือโลภะ โทสะ และโมหะ ให้หมดจด 
เพื่อพาตนให้พ้นได้จากความเกิดอันเป็นทุกข์ทั้งปวงสิ้น 
สำหรับท่านๆที่สนใจธรรมะของพระพุทธเจ้าผมขอฝากหนังสือของพุทธทาสภิกขุเล่มนี้ไว้เป็นการบ้านนะครับ!!!


     
                   🙏🙏🙏
               สาธุ~สาธุ~สาธุ
สาธุครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น